musical movie
musical movie อีกประเด็นในดวงใจของหลายคน แม้ฟอร์มของเรื่องจะมีความเป็นมิวสิคัลอยู่ในหลายฉาก แต่ก็มิได้ทำให้หนังมองเชยแต่อย่างใด ทั้งชุบชีวิตเพลงแจ๊สขึ้นมาใหม่ให้ผ่องใสร่วมสมัย หรือเอาขนบของมิวสิคัลที่คนมีความคิดว่าเข้าถึงยากมาทำให้สัมผัสได้มากยิ่งขึ้น จนได้รับการเสนอชื่อในสาขาภาพยนตร์เหมาะสมที่สุด ดาราหนังเยี่ยมที่สุด
เพลงดีเลิศจากหลายเวที ยิ่งกว่านั้น Ryan Gosling ก็ยังฝึกฝนเล่นเปียโนให้เซียนขึ้นเพื่อมารับบทหนุ่มนักดนตรี ที่ต้องการเปิดบาร์แจ๊ส รวมทั้งเป็นไม่กี่เรื่องที่เราได้ยิน Emma Stone ร้องเพลงด้วย ด้วยเหตุว่ามากมายหนังเล่าความรักของ มีอา และก็ เซบาสเตียน ที่กำลังงอกงามเบ่งบานภายใต้แสงตะวันเจิดจ้าในลอสแอนเจลิส แม้กระนั้นหัวข้อนี้
ก็สอนให้ทราบดีว่า musicalmovie แม้ว่าจะรักกันแค่ไหนแต่ท้ายที่สุดก็จำเป็นต้องพ่ายแพ้ให้กับการวิ่งตามความฝัน ถึงพล็อตราวนี้จะถูกเล่าซ้ำมาราวๆห้าร้อยล้านรอบแล้ว แม้กระนั้นด้วยฝีมือของผู้กำกับ Damien Chazelle ก็ยังสามารถหามุมมองใหม่ๆมาดำเนินเรื่องให้พวกเราเพลิดเพลินใจเจริญดวงใจได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และเสียน้ำตาให้ไปหลายแหมะเช่นกัน
อินโว้ยยยย เพลง ที่ทุกคน
คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ City of Stars ส่วนเพลงที่พวกเราอยาก ชี้แนะให้ไปฟังกันเป็น Another Day Of Sun, A Lovely Night, Fools Who Dream แต่ว่าที่แน่ๆเป็นถูกใจการเรียบเรียงเพลงโดยสามารถจับธีมซองมาสอดแทรกไปได้ในทุกเพลงอย่างแยบยลเลยทำให้เราไม่รู้จักสึกว่ามีเพลงไหนฉีกไปจากโทนของเรื่องแม้แต่น้อย
หนังฝรั่งเศสเดียวในลิสต์ที่พวกเรามองว่าน่าดึงดูดมากๆได้รับเลือกฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เมื่อปี 2007 แม้จะไม่ค่อยมีชื่อเสียงในบ้านพวกเราแม้กระนั้นก็ยังมีคนตาไวไปหามองมาได้แล้วเอามาบอกเล่าให้พวกเราฟัง (กราบ) นอกเหนือจากการที่จะเป็นการเล่าเรื่องด้วยดนตรีร่วมยุคที่เขียนโดย Alex Beaupain ที่เพราะว่ามากๆแล้ว ว่ากันว่าหนังเรื่องนี้ได้อิทธิพลจากหนังฝรั่งเศสแบบที่ Jean-Luc Godard กำกับอะไรเทือกนั้น การที่พวกเราจะได้มองเห็นฟุตเทจภาพนิ่งเล่าสลับกับการเดินเรื่องธรรมดา หรืออยู่ดีๆนักแสดงเขยื้อนแบบเหนือจริง หนังMusical (บุคคลอื่นเดินปกติ แม้กระนั้นอีกคนเคลื่อนถอยหลังแบบสมูธๆด้วยเหตุว่ายืนบนดอลลี่)
ไปจนกระทั่งการให้พวกเรามองเหตุคู่ขนานที่เกิดขึ้นไปพร้อมด้วย narrative ของอีกเหตุการณ์หนึ่ง จะมองเห็นการหันมามองดูกล้องถ่ายรูปตรงๆของดาราเป็นพักๆซึ่งเป็นกิมมิกของ French New Wave หมดเลย อย่างฉากอ่านหนังสือบนที่พักผ่อนก็ทำให้รำลึกถึง ‘Bed & Board’ ของ François Truffaut ที่เป็นผู้กำกับสายเดียวกันนั่นเองเรื่องราวว้าวุ่นของวัยรุ่นในกรุงปารีส หนังแบ่งเป็นสามส่วนหมายถึงThe Departure, The Absence รวมทั้ง The Return ซึ่งรายละเอียดของทั้งยังสามส่วนก็ยังเป็นเส้นเรื่องเดียวกัน
Les Chansons d’Amour
เพียงแต่ว่าถูกแบ่งเป็นลำดับเวลาของการเยียวยารักษาจิตใจภายหลังการสูญเสียของอิสมาเอล ภาพยนตร์ ดนตรี โดยที่มาของเรื่องก็มีความอิรุงตุงนังประมาณนึงว่า อิสมาเอล เป็นแฟนกับจูลี่ แล้วอยู่ดีๆสองคนนี้ก็ต้องการทรีซั่มเลยได้ อลิซ สหายร่วมงานของอิสมาเอลมาเป็นคู่ขาเพิ่มเติมอีกคน แต่กระทั่งมาวันนึงจูลี่ก็กำเนิดอาการงงมากในตนเอง ไม่รู้จักว่าจริงๆรักอิสมาเอลหรือไม่ แต่ว่าก็แสดงอาการหึงหวงอิสมาเอลจากอลิซอยู่เสมอๆก็ต้องตามมองกันต่อว่าสามคนนี้จะจัดการความปั่นป่วนนี้กันยังไงบอกตรงๆว่าสิ่งที่ทำให้อยากมองหัวข้อนี้เห็นจะไม่พ้นเพลงเนี่ยล่ะ
โดยมากเป็นป๊อป อัลเทอร์เนทิฟ ที่เขียนมาได้เท่เลย ดาราแต่ละคนก็ร้องเองทั้งหมดทั้งปวง เพลงที่ชอบมากมายๆในเรื่องนี้ก็ได้แก่ Je n’aime que toi, Les yeux au ciel, J’ai cru entendreถ้าเกิดคุณกำลังมองหาหนังที่จะทำให้คุณได้รับแรงบันดาลใจใหม่ๆไปใช้สำหรับเพื่อการเรียนหรือการทำงานอยู่ล่ะก็ ไม่มีอะไรตอบปัญหาไปกว่า “หนังเพลง” แล้วค่ะ
เพราะว่าหนังเพลงหลายเรื่องมักจะแทรกสอดเรื่องราวที่เกี่ยวกับความฝันรวมทั้งความพากเพียรที่จะทำฝันนั้นให้สำเร็จอยู่เป็นประจำ และเมื่อขึ้นชื่อว่าหนังเพลง แน่นอนว่าคุณจะได้รับความสนุกสนานอย่างจุใจ เพราะคุณจะไม่เพียงแค่ได้รับชมหนังสนุกๆเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นยังได้ฟังเพลงประกอบหนังที่อีกทั้งไพเราะและก็บอกเล่าเรื่องราวต่างๆในหนังได้เป็นอย่างดี ดังนี้ หนังเพลงจึงเปลี่ยนเป็นหนังโปรดที่หลายคนมักจะเปิดมองซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่มีทางเบื่อ
หนังเกี่ยวกับดนตรีที่ต้องหามาดู !!! musical movie ดนตรีเป็นสิ่งประกอบที่สำคัญสำหรับเพื่อการทำหนังแต่ละเรื่องอยู่แล้ว เนื่องจากว่าดนตรีนั้นจะเป็นตัวดูแลจังหวะหรืออามาณ์ของเรื่องขณะที่ดำเนินอยู่ ทั้งยังยังควรมีเพลงประกอบภาพยนต์ซึ่งนานาประการเพลง musical movie ทำออกมาเจริญรวมทั้งโด่งดังไม่แพ้ภาพยนต์ประเด็นนั้นๆในประเทศไทยเองก็มีหนังที่เกี่ยวกับดนตรีอยู่มากไม่น้อยเลยทีเดียวไม่ว่าจะเกิดเรื่อง โหมโรง หรือ Succeed แย่ขั้นเทพ ที่คอดนตรีทั้งหลายแหล่ไม่น่าจะพลาดสำหรับเพื่อการเข้าชม วันนี้ Musicarms ก็จะพาไปชี้แนะภาพยนต์เกี่ยวกับดนตรี 10 เรื่องที่ต้องหามาดูด้วยเหตุว่าทั้งบทหรือความตรึงใจนั้นซึ่งจนถึงจะต้องแบ่งปัน
School of Rock หนังที่เข้าฉายเมื่อปี 2003
โดยมีดาวขำขันโด่งดังอย่าง แจ็ค แบล็ค สวมบทบาทดารายอดนิยมเรียกเสียงฮาเป็น ดูอี้ ฟินน์ ไอ้หนุ่มคลุ้มคลั่งดนตรีร็อคไม่มีงานทำที่โดนวงไล่ออก บังเอิญจะต้องไปเข้าไปปลอมตัวสอนหนังสือแทนเพื่อนร่วมห้องอพาร์ทเมนต์ ซึ่งเป็นสถานศึกษาลูกผู้ดีสุดเนี้ยบที่เล่นดนตรีคลาสสิคกับคุณครูใหญ่ผู้เจ้ากี้เจ้าการ สุดท้ายก็ทนความร็อคในตัวไม่ไหว
จำเป็นต้องไปจับกลุ่มกับเด็กๆหลังจากที่เห็นพวกเด็กๆฝึกซ้อมดนตรีกับวงออเคสตร้ากันอยู่ ซึ่งหัวข้อนี้บรรดาแก๊งค์เด็กที่แสดงต่างมีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดากันเลยด้วยเหตุว่าคัดเลือกบทผู้แสดงกันมาอย่างยอดเยี่ยม เจ้าหนุ่มมองอี้จะทำอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงเด็กๆให้มาเป็นวงร็อครุ่นเยาว์สุดจี๊ด รวมทั้งจะฝ่าด่านบิดามารดารวมถึงบรรดาอาจารย์ท่านอื่นอีกเช่นกัน
หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมเชยอย่างยิ่งอีกทั้งเรื่องการวางพล็อตรวมทั้งแง่แง่คิดว่าบิดามารดาไม่สมควรบังคับลูกเท่าไรนัก ครั้งคราวเด็กๆก็ต้องการอิสระทางความนึกคิด ทำให้เรื่องนี้ แจ็ค แบล็ค ได้รับรางวัลผู้แสดงนำชายดีที่สุดจาก Golden Globe และภาพยนตร์ตลกดีเลิศจาก MTV Movie Award โดยโกยรายได้ไป 131.3 ล้านดอลลาร์
Once คนไหนกัน ที่เป็นสายโฟล์ก คงไม่มีวันพลาดประเด็นนี้ อย่างไม่ต้องสงสัย มิวสิคัลที่เล่าของนักเล่นดนตรีสองคนภายในเมืองดับลิน ไอร์แลนด์ คนนึงเป็นชายหนุ่มนักดนตรีเปิดหมวกที่ศีรษะจิตใจบอกช้ำมาจากรักครั้งเก่า เล่นดนตรีหารายได้ไปวันๆที่หัวมุมถนน อีกคนคือสาวเช็กที่ย้ายมาอยู่ตรงนี้พร้อมครอบครัวอย่างยากจน จนวันหนึ่งคุณได้เดินผ่านมาพบเขาเล่นดนตรีอยู่ตรงที่ประจำ รวมทั้งทั้งคู่ก็รู้จักกันตั้งแต่วันนั้น
แม้ว่าจะเริ่มจากการเอาเครื่องดูดฝุ่นมาให้เขาซ่อมก็ตามสิ่งที่พวกเรารักสุดๆในหนังหัวข้อนี้ musical movie คือความดิบ แล้วก็เรียบง่าย แต่ว่าแอบซ่อนเนื้อหาสวยๆไว้ให้พวกเราแอบอมยิ้มปนน้ำตาซึม หรือบางฉากก็รวดร้าวปวดหัวใจ ขนาดที่ Steven Spielberg เองยังพูดดูใน USA Today ที่หนังเล็กๆหัวข้อนี้ได้ให้แรงผลักดันกับเขาอย่างมากมาย เหตุผลหนึ่งน่าจะเป็นความสมจริงในอารมณ์ความรู้สึกที่ผู้ชมเองก็ยังสัมผัสได้ ซึ่งบทเพลงในเรื่องนี้ก็เป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของพระนางเอง Marketa Irglova และก็ Glen Hansard พวกเขาเคยทำเพลงร่วมกันในชื่อ The Swell Season แล้วก็ส่งให้เพลง Falling Slowly ได้รางวัลเพลงออริจินัลดีเยี่ยมที่สุดในออสการ์มาแล้ว
Raise your voice
หนังเรื่องนี้ เข้าฉายเมื่อปี 2004 โดยก่อนเข้าฉายนั้นโดนค่อนแคะไม่น้อยว่าเป็นหนังที่ทำเพื่อ ฮิลาปรี่ ดัฟฟ์ ป็อปสตาร์สาวได้โชว์ตัวเท่านั้น แต่เพียงพอเข้าฉายจริงกลับเซอร์ไพร์สผู้ชมอย่างมาก เพราะว่านอกเหนือจากดัฟฟ์ที่โชว์ให้คนทั่วโลกเห็นว่าคุณมิได้มีดีเพียงแค่การร้องเพลงโดยตีบท เทอรี่ เฟล็ทเชอร์ นางเอกของเรื่องแตกกระจายแล้ว พล็อตของเรื่องยังทำมาได้ซึ้งประทับใจกับความฝันของสาวน้อยคนหนึ่งที่ต้องการจะเข้าเรียนสถานที่เรียนดนตรีที่มีชื่อที่สุดในลอสแองเจลิส จุดมุ่งหมายในที่สุดเป็นการชิงทุนการศึกษาก้อนใหญ่ที่ดินสถานที่เรียนจัดขึ้น
เรื่องนี้แฝงไปด้วยข้อคิดมากไม่น้อยเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นการแก่งแย่งชิงดีในสังคม, เรื่องปัญหาครอบครัวกับการจะต้องพิสูจน์ให้มีความคิดเห็นว่าไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน หรือปัญหาสีผิวที่บิดามารดาคนผิวหมึกหวังให้ลูกคว้าทุนการศึกษาแม้กระนั้นสังคมจากคนผิวขาวปฏิเสธ ตอนสุดท้ายของหัวข้อนี้ให้ข้อสรุปที่ค่อนข้างจะดี โกยรายได้ไป 14.6 ล้านเหรียญ ทำให้ผู้รับรู้ถึงพรสวรรค์ด้านการแสดงของ ฮิลลารี่ ดัฟฟ์ แล้วก็เพลงประกอบภาพยนต์อย่าง Someone watching over me ที่คุณร้องก็ติดลมบนในชาร์ตเพลงทั้งโลก
สมัครสมาชิก ID LINE : @win666